วันเดย์ทริป แบบเช่าจักรยาน
- วัดมหาธาตุ
- วัดพระศรีสรรเพชญ์
- บุษบา คาเฟ่
- วัดราชบูรณะ
- ปรางวิว คาเฟ่
- วัดมหาธาตุ (กลับมาจอดจักรยาน)
( หรือจะแวะก๋วยเตี๋ยวเรือลุงเล็ก )
สิ่งควรรู้ : คุณไม่สามารถปั่นจักรยานเข้าภายในเขตวัดได้ ต้องจอดไว้ด้านนอกวัด ทั้งนี้ร้านจะให้โซ่และกุญแจล็อกมาให้
เมื่อมาอยุธยาที่ที่มีประวัติศาสตร์สำคัญอย่างมากในอดีต แน่นอนว่าก็ต้องมีซากอารยธรรมมากมายให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชม และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยของการมาเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา คือ 'การปั่นจักรยานรอบเกาะ' เราจึงขอแนะนำทริปนี้ เผื่อว่าจะเป็นทางเลือกให้กับคุณที่อยากจะปั่นจักรยานเที่ยวเกาะเมืองแต่ยังไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
“
”
เริ่มจาก 'การเช่าจักรยาน' จุดเริ่มต้นของทริปนี้คือ " วัดมหาธาตุ* " เพื่อเช่าจักรยาน หลังจากเช่าจักรยานแล้ว คุณสามารถปั่นจักรยานไปตามถนนสีเขียวตามถนนได้ โดยวัดมหาธาตุจะมีจุดเด่นคือ พระปรางค์ขนาดใหญ่และเศียรพระพุทธรูปกินทราย (เศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีในรากไม้) ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานพระบรมธาตุใจกลางพระนครถึงอากาศจะร้อนเพียงใดแต่เมื่อคุณได้เข้าชมภายในตัววัด คุณจะสัมผัสได้ถึงความเย็นของลมและกลิ่นของใบไม้ที่จะช่วยคลายร้อนไปได้บ้างไม่มากก็น้อย (แต่ถึงอย่างไร ก็ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม เพราะจะเป็นช่วงที่ร้อนมากที่สุดของปี)
△ ที่จอดจักยานและรถของวัดมหาธาตุ
* โดยหากโดยสารมาทางรถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถของท่านไว้ที่จอดรถของวัด และเช่าจักรยานตรงจุดที่มีให้เช่าจักรยาน(วัดมหาธาตุมีให้เช่า) หากอยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับ 'จุดให้เช่าจักรยาน' เพิ่มเติม สามารถกด จุดให้เช่าจักรยาน
หากโดยสารมาทางรถไฟ สามารถเช่าจักรยานได้ที่ซอยท่าเรือรถไฟ (เดินข้ามถนนจากฝั่งสถานีรถไฟมาอีกฝั่ง จะพบตลาดสถานีรถไฟกับที่เช่าจักรยาน และท้ายซอยนั้นจะมีท่าเรือเปิดให้ใช้บริการอยู่) หลังจากเช่าจักรยานเสร็จเรียบร้อยคุณสามารถนั่งเรือ (เอาจักรยานขึ้นเรือได้) เพื่อข้ามฝั่งมาตลาดเจ้าพรหม และสามารถปั่นจักรยานไปสถานที่ต่าง ๆ ได้เลย
หากโดยสารมากับรถตู้ กรุงเทพ ฯ - อยุธยา คุณสามารถนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปตรงสถานที่ที่มีที่เช่าจักรยานได้เลย (จุดเช่าแนะนำ : วัดมหาธาตุ / ปรางวิว คาเฟ่ / วัดราชบูรณะ)
△ เศียรพระพุทธรูป
△ พระปรางค์ประธาน
สถานที่ถัดไป "วัดพระศรีสรรเพชญ์" ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่สำคัญที่สุดในสมัยอยุธยา มีใจกลางวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์ใหญ่ศิลปะลังกา 3 องค์ มาถึงแล้วต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกไว้เลย
△ ขอบคุณรูปภาพจาก juzzoo
(ใช้เมาส์ชี้ไปที่ลูกศร)
ต่อไป "วัดพระราม" ซึ่งมีพระปรางค์ขนาดใหญ่เห็นเด่นชัด เป็นสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนต้น บริเวณหน้าวัดเป็นบึงพระราม ถึงแม้ตอนนี้จะเหลือเพียงซากปรักหักพัง แต่ก็ยังมีพระปรางค์อยู่ จึงเป็นอีกสถานที่สำคัญอีกสถานที่หนึ่งของอยุธยา
"วัดธรรมิกราช" เป็นอดีตพระอารามหลวงในสมัยอยุธยา ติดกับพระราชวังโบราณและวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดนี้มีจุดเด่นคือ เป็นวัดที่พบเศียรพระธรรมิกราชซึ่งนับเป็นพระเศียรสำริดที่มีขนาดใหญ่สุดและมีความสำคัญที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย โดยปัจจุบันได้เก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา อีกทั้งยังมีเจดีย์ทรงกลมที่มีปูนปั้นรูปสิงห์ล้อม โดยแต่ก่อนมี 52 ตัว ตอนนี้เหลือเพียง 20 ตัว
" บุษบา คาเฟ่ (Busaba Cafe & Meal) " โดยสาขานี้เป็นสาขาที่เน้นการตกแต่งด้วยสีขาวสบายตา นอกจากบรรยากาศที่ดีของร้าน อาหารและเครื่องดื่มก็ยังดีไม่แพ้กัน หลังจากชมโบราณสถานมาร้อน ๆ ก็มานั่งพักผ่อนหย่อนใจที่บุษบา คาเฟ่ ซึ่งบุษบา คาเฟ่ ก็ยังมีอีกหนึ่งสาขาตั้งอยู่ใกล้วัดมหาธาตุ ใช้ชื่อว่า Busaba Cafe & Bake Lab
△ บุษบา คาเฟ่ (Busaba Cafe & Meal)
△ บุษบา คาเฟ่ (Busaba Cafe & Bake Lab)
หลังจากทานขนมจิบชาเสร็จแล้ว ก็ไปต่อกันที่ "วัดราชบูรณะ" เป็นวัดที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของวัดมหาธาตุ มีปรางค์ประธาน มีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยศิลาแลงบนฐานสี่เหลี่ยมซึ่งมีเจดีย์อยู่ทั้งสี่ทิศ มีบันไดขึ้นสู่องค์ปรางค์ทางทิศตะวันออกถือเป็นปรางค์แบบไทยที่นิยมทำฐานสูง และอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือ วิหารหลวง ถึงแม้ว่าตัวหลังคาและส่วนต่าง ๆ จะพังไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีส่วนฐานและเสาอยู่
(ใช้เมาส์ชี้ไปที่ลูกศร)
ใกล้ถึงจุดจบของทริปนี้ซะแล้ว เราก็ขอปิดท้ายด้วยอีกหนึ่งคาเฟ่ ขวัญคนอยุธยาและคนที่มาเยี่ยมเยียนเมืองนี้ นั่นก็คือ "ปรางวิว คาเฟ่" นั่นเอง โดยที่นี่จะมีขนาดกว้่างและมีจุดถ่ายรูปภายในตัวร้าน แต่ที่พลาดไม่ได้เลย เมื่อคุณมาเวลาเย็น ๆ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศอันอบอุ่นใจของร้าน แสงสวย ๆ ของร้าน และวิวของวัดราชบูรณะจะต้องตราตรึงอยู่ในใจคุณไปอีกนาน (แต่จะมาเวลาไหนก็สวยนะ)